ใบแดง แบบค้านสายตา (อีกแล้ว)

ต้องยอมรับว่า การเอาในชีวิตจริงของเรา การแก้ปัญหาด้วยนวัตกรรมอะไรบางอย่างมันอาจจะแก้ปัญหาที่เราต้องการได้ แต่มันก็อาจจะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาด้วยเหมือนกัน อย่างเรื่องของ VAR เองก็เช่นกัน หลายคนมองว่ามันต้องเอามาใช้เพื่อแก้ปัญหาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฟาลว์หรือไม่ฟาลว์ เพื่อให้ทุกอย่างมันใสสะอาด มันก็ช่วยให้หลายจังหวะ หลายเหตุการณ์ถูกแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ VAR เองก็กลายเป็นจำเลยให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาด้วย

ปัญหา ใบแดง แบบค้านสายตา

เกมการแข่งขัน พรีเมียร์ลีค นัดแข่งที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์กรรมการแจกใบแดง แบบค้านสายตาอีกแล้ว คราวนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมระหว่าง เวสต์แฮม กับ ฟูแล่ม ผู้ตัดสินคือ ไมค์ ดีน เกมนี้ในช่วงท้ายเกม เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง ซูเช็ค กับ มิโตรวิช โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังเข้าไลน์เพื่อหาพื้นที่ก่อนเล่นลูกตั้งเตะ ปรากฏว่า มิโตรวิช ล้มลงไป กรรมการเป่าหยุดเกมก่อนเตะ จากนั้นไปดู VAR ปรากฏว่าภาพในนั้น เห็นว่า ซูเช็ค กำลังยกมือศอกใส่ มิโตรวิช จนล้มลงไปนอน กรรมการดูซ้ำไปมาหลายรอบ ก่อนจะตัดสินให้ใบแดงกับ ซูเช็ค ไปแบบที่ทุกคนงงกันทั้งบาง (คนดูทางบ้านก็งงด้วย)

ใบแดงจากเจตนา

จากเคสนี้ เรามองว่า กรรมการอย่าง ไมค์ ดีน แจกใบแดงผิดพลาดอีกแล้ว เพราะว่าหากมองจากปฏิกิริยาของซูเช็ค จะเห็นว่า เค้าไม่ได้จงใจศอกใส่ มิโตรวิช แต่เค้ากำลังมองบอลที่กำลังจะตั้งเตะ แล้วก็ยกแขนขึ้นมา เนื่องจากเค้าตัวสูงกว่าทำให้ศอกมันเกิดไปกระทบกับ มิโตรวิช แบบไม่ตั้งใจ จากเคสนี้มองจาก ผู้ชม ยังรู้เลยว่า ศอกมันไม่ได้ตั้งใจเลย มันเป็นไปเองตามที่ว่ามา

สรุปจากครั้งนี้และอีกหลายครั้ง ฟุตบอลการปะทะกันมันต้องมีเราก็รู้อยู่ แต่ว่ากรรมการเองก็ต้องดูด้วยว่า เจตนาของนักเตะมันจงใจให้เกิดการฟาลว์นั้นไหม หากไม่ใช่การให้ใบแดงมันก็เกินไป ซึ่งนี้ก็เป็นการตัดสินที่กรรมการเองก็ต้องกลับไปดูกันอีกทีว่าเป็นอย่างไร

โซลชาร์ ทายาทเฟอร์กูสันสิ่งที่เราคิดกันไปเอง

โซลชาร์ ทายาทเฟอร์กูสันสิ่งที่เราคิดกันไปเอง

หนึ่งในสิ่งที่แฟนบอลหลายคนยึดเหนี่ยวเอาไว้ไม่ยอมให้ปลดโซลชาร์ออกจากตำแหน่งสักที เพราะพวกเค้าเชื่อว่า โซลชาร์ เป็นหนึ่งในทายาทของสุดยอดตำนานผู้จัดการทีมอย่างท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่วางมือไปแล้ว มองในมุมนี้ต้องบอกว่านี่เป็นสิ่งที่เราคิดกันไปเอง อะไรเป็นเครื่องยืนยันคำตอบนั้น เรามีเหตุผลมารองรับด้วย

การบริหารจัดการคนไม่เหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างที่สุดระหว่าง โซลชาร์ กับ เซอร์อเล็กซ์ นั่นก็คือ วิธีการบริหารจัดการคน แน่นอนว่าไม่มีวิธีการไหนดีที่สุดการบริหารจัดการคน จะไม้อ่อนไม้นวม ไม้แข็ง ทุกวิธีมีทั้งผลบวกและลบด้วยกันทั้งหมด แต่ที่เราจะพูดก็คือวิธีการใช้ต่างหาก โซลชาร์ จะเน้นความนิ่มนวลเป็นไม้อ่อนนำหน้า แต่เซอร์อเล็กซ์เอง ไม้นวมก็มี แต่เชื่อเหอะว่า ป๋าไม้แข็งนำก่อนตลอด หากใครยังจำกันได้ นักเตะทุกคนต่างกลัวการโดนแฮร์ไดร์เออร์ เป่าหน้าด้วยกันทั้งนั้น (การโดนตำหนิอย่างรุนแรงต่อหน้า) รวมถึงการจูงใจนักเตะทุกคนให้ต้องการชัยชนะ กระหายชัยชนะตลอดเวลา นั่นแหละคือสิ่งที่ป๋าทำได้ แต่โซลชาร์เหรอถ้ากระหายชัยชนะทุกเกมมันคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก

ได้รู้ ได้เห็น แต่ไม่ได้หมายถึงเรียนรู้
ข้อต่อมา ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดก็คือ โซลชาร์ จัดว่าเป็นนักเตะที่อยู่กับเซอร์อเล็กซ์ นานที่สุดคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่เค้าอยู่ เชื่อว่าเค้าเห็นการทำงานของ เซอร์อเล็กซ์ มาตลอดทั้งการจัดการในสนาม นอกสนาม การซื้อขาย และทุกอย่างที่ผู้จัดการทีมคนหนึ่งทำตลอดชีวิตการคุมทีม แต่เราอยากจะบอกว่าการได้รู้ ได้เห็น แต่ไม่ได้เท่ากับว่าจะเรียนรู้ ทำทุกอย่างเหมือนเซอร์อเล็กซ์ได้ อีกอย่างโซลชาร์ไม่ได้เป็นคนเดียวที่เรียนรู้สักหน่อย รอย คีน ก็มาทำผู้จัดการทีมเหมือนกัน แต่ไม่ยักจะมีใครบอกว่าเป็นทายาท ป๋า สักคน น่าแปลก

วิธีการจัดทีมไม่เหมือนกัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันเลย เป็นวิธีการจัดการทีม แท็คติคส์ต่างๆ หากป๋า อยู่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินหน้าฆ่ามัน ลุย บุก ทำประตูอย่างกระหน่ำ แต่มีความหลากหลายนะ แต่โซลชาร์ล่ะ มันเป็นยังไงก็ไม่รู้ จะบุกก็ไม่กล้า จะรับก็ดูกลัวๆ ดูสับสนไปหมด เอาเป็นว่า เราขอฟันธงว่า ใครที่คิดว่า โซลชาร์ เป็นทายาทท่านเซอร์อยู่ เลิกคิดได้แล้ว

เป้าหมาย และความคาดหวังของ เลสเตอร์ ซิตี้

เป้าหมาย และความคาดหวังของ เลสเตอร์ ซิตี้

ต้องยอมรับว่า หลังจากพวกเค้าได้สร้างเทพนิยายแห่งโลกฟุตบอลขึ้นมาอีกครั้งด้วยการแหวกทีมอื่นขึ้นมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคได้เป็นสมัยแรกของสโมสร พวกเค้าก็เหมือนจะกลับมาอยู่ในจุดนั้นไม่ได้อีกเลย ทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายจนกระทั่งการเข้ามาของ เบรแดน รอดเจอร์ส ที่ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ในซีซั่นที่แล้วพวกเค้ากลับมามีลุ้นอีกครั้งหนึ่ง แม้จะแผ่วปลายจนพลาดไปเองในช่วงโค้งสุดท้ายก็ตาม มาดูว่าในซีซั่นนี้ เป้าหมายและความคาดหวังของพวกเค้ามีอะไรบ้าง
อันดับ 3 ต้องมา
หากจะบอกว่าในกลุ่มหัวแถว ใครเป็นม้ามืดมากที่สุด คงต้องเป็นเลสเตอร์ ซิตี้ที่พวกเค้ามาแรงมากแม้จะเงียบแต่ก็สร้างความกดดันให้กับทีมหัวตารางได้มากพอสมควร ช่วงหนึ่งเคยขึ้นไปบี้กับลิเวอร์พูลด้วยซ้ำไป ความผิดพลาดในช่วงปลายซีซั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก มองไปที่เป้าหมาย เอาจริงๆพวกเค้ามีสิทธิ์ครองที่ 3 แบบสบายๆด้วยซ้ำไป หากจะให้ตั้งเป้าหมายซีซั่นนี้ในลีคของพวกเค้าต้องได้อันดับที่ 3 เป็นอย่างแย่เลย แต่หากพวกเค้ามีเสริมทีให้ดี ก็ต้องมองไปที่ตำแหน่งรองแชมป์เท่านั้น
เกมบอลถ้วย
สำหรับเกมบอลถ้วย เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ถือว่าทำผลงานได้น่าพอใจทีเดียว แต่ถ้าพวกเค้าคิดจะกลับไปเป็นทีมหัวตารางของลีคอีกครั้ง แน่นอนว่าเกมบอลถ้วยพวกเค้าต้องทำได้ดีกว่านี้ สองรายการที่มีในอังกฤษ เอฟเอคัพ ต้องไปให้ได้ถึงรอบรองชนะเลิศ ส่วนคาราบาวคัพ ถ้าหากพวกเค้าดวงดีหน่อย หรือ เจอทีมที่ไม่ได้ส่งตัวจริงลงหมด ต้องมองเป้าหมายไปที่ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศได้เลย
เกมฟุตบอลยุโรป
การตกลงมาอันดับที่ 5 ได้ไปเล่นยูโรป้าลีค ต้องบอกว่าเป็นเป้าหมายที่น่าผิดหวังหากมองว่าพวกเค้ายืนอันดับที่ 3 แบบสบายใจก่อนกลับมาเตะอีกครั้งช่วงโควิท 19 อย่างไรก็ตามแม้จะได้เล่นถ้วยยูโรป้าลีค ก็ยังถือว่าดีอยู่จากสถานการณ์ของทีม เป้าหมายในถ้วยนี้เรามองว่า ถ้ารอดไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ถือว่าตามเป้า น้อยกว่านั้นถือว่าผิดหวัง

เหตุผลทางด้านฟุตบอลที่จะทำให้ แวร์เนอร์ ไปได้ดีกับเชลซี

sbobet
ใครที่เป็นแฟนฟุตบอลทีมเชลซีต้องบอกว่า ตอนนี้ยิ้มกันหน้าบานเลยทีเดียว ก็จะอะไรเสียอีก พวกเค้ามีโอกาสสูงมากที่จะได้กองหน้าตัวท็อปดาวรุ่งของวงการอย่าง ติโม แวร์เนอร์ ไปร่วมทีมแบบเกือบจะ 100% เหลือแต่ชูเสื้อเท่านั้นเอง ทีนี้เรามาดูเหตุผลทางด้านฟุตบอลกันว่า หากแวร์เนอร์มาจริง อะไรจะทำให้เข้าไปได้ดีกับเชลซี ณ พรีเมียร์ลีค
เล่นตัวจริงสม่ำเสมอ
การทุ่มซื้อแบบหมดหน้าตัก เดินเกมแบบเต็มสูบไม่กลัวหงายเงิบ เป็นเพราะว่าเชลซีต้องการนักเตะที่จะมาเป็นดาวยิงประจำทีมอย่างมาก มองไปตอนนี้แม้ดาวรุ่งอย่างโอดอย และ แทมมี่ ทำหน้าที่ได้ดี แต่ประสบการณ์ยังน้อยเกินไป การมาของแวร์เนอร์ค่อนข้างการันตีตัวจริงเลย ไม่ว่าจะเป็นเล่นหน้าเดี่ยว หรือจะเป็นหน้าคู่ที่จะเป็นตัวหลัก แล้วให้ โอดอย หรือ แทมมี่มาประกบคู่ นักเตะพอได้ลงบ่อยๆทุกอย่างมันจะดีขึ้นปรับตัวได้ไวขึ้น จนมีโอกาสปังในที่สุด
ตัวป้อน ตัวจ่ายเพียบ
มองไปที่ด้านหลังของแวร์เนอร์ กองกลางของเชลซี ต้องบอกว่ามีแต่ตัวเน้นจ่าย ไม่เน้นเลี้ยงบอลทั้งนั้น ทั้งคริสเตียน พูลิซิซ, เมสัน เมาท์, จอร์จินโญ่ หรือจะเป็น ฮาคิม ซีเย็ค นี่ก็ตัวจ่ายบอลเหมือนกัน พอมีคนจ่ายบอลคมให้ บอกเลยว่า แวร์เนอร์เตรียมวิ่งทะลุกองหลังไปยิงจนเจ็บเท้าได้เลย น่าจะได้หลุดกับดักล้ำหน้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูหลายครั้งทีเดียวแหละที่เหลือก็อยู่กับเจ้าตัวแล้วว่าจะทำได้ดีแค่ไหน
นักเตะเยอรมัน ไม่ต้องห่วง
แม้นักเตะเยอรมันจะไม่ค่อยอยากย้ายมาเล่นที่ต่างประเทศมากนัก แต่หากไล่เรียงรายชื่อนักเตะเยอรมันในพรีเมียร์ลีคก็ประสบความสำเร็จกันหลายคน รุ่นพี่ของ แวร์เนอร์ ในสีเสื้อก็จะมี มิชาเอล บัลลัค, อันเดร ชูเล่, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ พวกเค้าทำได้ดีในตำแหน่งของตัวเอง ซึ่งเราเชื่อว่า แวร์เนอร์ จะเดินตามรุ่นพี่ได้แน่นอน

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย โปรแกรมต่อไปของผีแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

หลังจากเสียสถิติชนะรวดไป หลายคนเริ่มมีคำถามกันแล้วว่าที่ผ่านมาที่พวกเค้าชนะรวดมานั้นเป็นเพราะว่าพวกเค้าได้เจอกับทีมที่ระดับต่ำกว่าเยอะใช่หรือเปล่า ส่วนหนึ่งก็ต้องตอบว่าเป็นเช่นนั้นแต่การเจอเกมติดๆกันช่วงบ็อกซิ่งเดย์ แล้วชนะรวดก็ไม่ง่ายเหมือนกัน แต่หลังจากเสมอกับลิเวอร์พูลไป 1-1 พวกเค้าจะไปเจอใครต่อบ้าง

การไปเยือนสโต๊คของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไม่เคยง่าย

เกมต่อไปเป็นเกมยากแน่นอน นั่นคือการไปเยือน บริทาเนีย สเตเดี้ยมของเหล่าช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ ที่เล่นเกมหนัก ประชิดตัวได้ดีเหลือเกิน เกมบีบเร็ว เพรสซิ่งสูงแบบนี้ ไมเคิล คาร์ริค หัวใจสำคัญในแดนกลางไม่ค่อยถนัดเท่าไร ต้องมาดูกันว่าพวกเค้าจะเอาชนะได้หรือเปล่า แถมกองหน้าตัวสูงอย่าง ปีเตอร์ เคราซ์ ก็พร้อมจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยเหมือนกัน

ต้อนรับ เสือกับโค้ชใหม่

เกมที่สอง จะกลับมาเล่นในบ้าน เจอกับทีมฮัลล์ ซิตี้ที่ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นเสือลำบากจริงๆ กับการดิ้นรนหนีตกชั้น แม้ว่าแมนยู เพิ่งจะเอาชนะไปได้จากเกม อีเอฟแอล นัดแรก 2-0 ไปแบบสบาย แต่เกมนี้ก็ไม่ควรประมาท ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง มาร์โก ซิลวา น่าจะมีอะไรมารับมือบ้าง แต่ถ้าไม่มีอะไรเลยแสดงว่า เราคาดหวังในตัวเค้ามากเกินไป

การบุกบ้านแชมป์เก่าที่กำลังลำบาก

เกมที่สามเปิดหัวเดือนแห่งความรักด้วยการไปเยือน คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยมของแชมป์เก่าเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ฤดูกาลนี้ต้องบอกว่า ไม่ดีเอาเสียเลย การได้ไปเล่น UCL ทำให้ทีมเสียสมดุลไปเยอะ ยิ่งเกมนี้เลสเตอร์ ขาดนักเตะตัวหลักไปรับใช้ทีมชาติในศึกแอฟริกัน เนชั่นคัพ ถึง 3 คน น่าจะทำให้พิษสงหายไปเยอะแต่อย่างไรก็ดี แชมป์เก่าที่ตอนนี้กำลังจะกระเสือกกระสนเต็มที่น่าจะเล่นแบบเต็มที่สู้ไม่ถอย เหมือนกัน

คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า

เปิดใจคาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า กับโลกลูกหนังยุคใหม่

คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า
คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า

ในปี 1967 รัฐบาลบราซิลได้ตัดสินใจส่งโค้ชหนุ่มคนหนึ่งไปรับหน้าที่คุมทีมชาติกานา โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบนถนนลูกหนังที่แสนยาวไกล สำหรับขายที่คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่ ท่ามกลาง ความสำเร็จมากมายทั้งระดับโลกทวีป และประเทศ

คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า เริ่มต้นกับทีมชาติด้วยการทำหน้าที่นักกายภาพในปี 1970 ก่อนจะขึ้นมารั้งตำแหน่งเฮดโค้ช ครั้งแรกในปี 1983 แต่มาประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงทศวรรษที่ 90 หลังกลับมาทำงานยาว 4 ปีจนสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองในการแข่งขันที่สหรัฐฯ เมื่อปี 1994 ช่องว่างระหว่างนั้นปาร์เรร่า ยังมีโอกาสทำหน้าที่เทรนเนอร์ให้กับทีมชาติในแถบตะวันออกกลางทั้ง คูเวต ขณะที่ระดับสโมสรยอดกุนซือผู้นี้ผ่านการทำงานกับทั้ง ไอ้ค้างคาว บาเลนเซีย สโมสรดังของสเปน เฟเนร์บาห์เช่ ทีมของตุรกี นิวยอร์ก คอสโม สโมสรรวมดาวของลีกอเมริกาช่วงทศวรรษที่ 70 วาสโก ตากาม่า โครินเธียและฟลูมิเนนเช่ ที่เขาฯ ออกๆ ถึง 4 ครั้ง โดยสามารถคว้าแชมป์แห่งชาติมาได้สำเร็จในปี 1984 ทำให้พอ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ลงจากตำแหน่งหลังชัยชนะในนัดชิงชนะเลิศเวิลด์ คัพ 2002 ที่โยโกฮาม่า อินเตอร์เนชั่นแนลสเตเดี้ยม สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิลต้องเฟ้นหาตัวผู่สืบทอดตำแหน่งอยู่นานก่อนจะตัดสินใจดึงตัวปาร์เรร่า มาร่วมงานเป็นครั้งที่ 4 และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อประเดิมด้วยการนำทีมคว้าแชมป์โคปา อเมริกา เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยเกียรติประวัติที่ยาวเหยียดของ คาร์ลอส อัลแบร์โด้ ปาร์เรร่า บ่งบอกได้ถึงพรสวรรค์ในตัวของเขาที่มีความซ่ำซองในการคุมทีมจนทำให้เขาเปรียบเสมือนเป็นศิลปินเอกแห่งวงการฟุตบอลบราซิล

เวส บราวน์

ข่าวด่วน เวส บราวน์ ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าถึงสองครั้งในเดือนสิงหาคม

เวส บราวน์
เวส บราวน์

เวส บราวน์บอกแต่การที่ผมมีโอกาสได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องมากขึ้น คงจะช่วยทำให้ผมมีโอกาสพัฒนาฝีเท้าของตัวเองได้มากกว่า ซึ่งผมจะพยายามทุ่มเทเต็มที่ทุกครั้ง เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง

ผมอยากจะลงเล่นเป็นประจำทุกๆสัปดาห์ และอยากจะเป็นแกนหลักของแมนฯยูไนเต็ดและรวมไปทีมชาติอังกฤษด้วย

ที่ผ่านมา เวส บราวน์ ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บมามากแล้ว ดังนั้นผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะกลับมาสู้เพื่อตำแหน่งในทีมได้อย่างเต็มที่เสียที โดยมีสมาธิกับเกมอย่างเต็มที่

ที่ผ่านมาอาการบาดเจ็บอาจจะทำให้คุณขาดความเชื่อมั่นไปบ้างแต่เมื่อคุณสามารถกลับมาลงซ้อมได้อีกครั้ง เพื่อนๆก็จะช่วยให้กำลังใจคุณเอง เช่นเดียวกับผู้จัดการทีมที่คอยเอาใจใส่ และให้คำแนะนำจนคุณสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อีกครั้ง

แน่นอนว่า การกลับมาหลังอาการบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักๆซ้ำที่เดิมอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามผมคิดว่าตัวเอง ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้ ด้วยสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ซึ่งการกลับมาหนนี้ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาลงสนาม และพยายามจะทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด

ในช่วงฝึกซ้อมก่อนเปิดฤดูกาลนี้ บราวน์ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าถึงสองครั้งในเดือนสิงหาคม โดยครั้งที่สองมีสาเหตุมาจากการโดนชนล้มในขณะฝึกซ้อม

ผมไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่า เหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นกับผม ทั้งๆที่เพิ่งเป็นการฝึกซ้อมในวันแรกๆ เท่านั้น

ในตอนแรกที่ผมลุกขึ้นมา ผมคิดว่าอาการคงจะไม่หนักหนาอะไรมาก แต่ว่า หลังจากนั้นผมรู้สึกเจ็บมาก และไม่สามารถทำอะไรได้เลยหลายสัปดาห์

แม็คมานามาน

ทุกวันนี้ แม็คมานามานย้ายมาอาศัยอยู่ใน แมนเชสเตอร์ เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของอริสำคัญ

แม็คมานามาน
แม็คมานามาน

ทุกวันนี้ แม็คมานามานย้ายมาอาศัยอยู่ใน แมนเชสเตอร์ เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของอริสำคัญสำหรับอดีตต้นสังกัดของเขา ลิเวอร์พูล และมักต้องเจอการท้าทายจากแฟนบอลของ ยูไนเต็ด อยู่เป็นประจำ ทว่าทั้งหมดก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าตัวชวชินเสียแล้ว

ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไรกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ ผมอยู่ใน แมนเชสเตอร์ ก็เลยไม่แปลกอะไรที่แฟนบอลของ ยูไนเต็ด จะตะโกนด่าเมื่อเจอกัน แต่แล้วไงล่ะ เรื่องทั้งหมดเป็นอดีตสำหรับผม ผมเคยเป็นนักเตะลิเวอร์พูล และก็จากมาแล้ว ร็อบบี้ฟาวเลอร์ อาจจะรู้สึกฮึดฮัดอยู่บ้าง แต่นั่นก็เพราะเขาไม่ชอบโดนใครหาเรื่องก่อน

แต่ผมเคยเจอเรื่องแบบนี้มามากแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่กับลิเวอร์พูล หลังจบเกมดาร์บี้แมตช์ ผมไม่ค่อยอยากจะออกไปไหน เพราะมักมีเอฟเวอร์โตเนียน จ้องเล่นงานคุณอยู่เสมอ และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะต้องทำแบบนี้ เพราะเราเพิ่งเอาชนะเขามาได้ แต่ผมไม่สนหรอก

ความเรียบง่าย และเก็บตัวเปรียบเสมือนบุคลิกประจำตัวของอดีตสตาร์ รีล มาดริด ผู้นี้ และนั่นก็ส่งผลให้ เอล แม็คก้า (El Macca) หนังสือที่เล่าเรื่องราวตลอดสี่ปีของเขาในสเปน ซึ่งเขียนโดย ซาราห์ เอ็ดเวิร์ทธี ไม่ได้รับการโปรโมตเท่าที่ควร แต่ทั้งหมดก็เป็นไปตามความต้องการของเจ้าตัวเอง

ผมไม่เคยคิดอยากจะทำหนังสืออัตชีวประวัติอยู่แล้ว ผมว่าหนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่มันน่าเบื่อ หากว่าคุณไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้คนอ่านผังจริงๆ ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องเล่าเรื่องสมัยอยู่กับลิเวอร์พูล ให้ใครรู้ ส่วนเรื่องสมัยเด็กของผมมันก็มีแต่ช่วงดีๆเท่านั้น

เชลซี กับการหวังดึงตัว ราดาเมล ฟัลเกา มาเสริมแนวรุกอีกคนในฤดูกาลหน้า เป็นการเลือกที่ดีแล้วจริงๆหรือ

อย่างที่ทราบกันดี ว่าสำหรับช่วงนี้นั้นหลังจากที่ หลายๆลีกดังของยุโรป ต่างก็ได้แชมป์ในฤดูกาลนี้กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กระแสของตลาดซื้อขายนักเตะรอบใหม่นั้น ก็เริ่มคึกคักกันเรื่อยๆเลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับในบทความนี้ ก็คงต้องเกาะกระแสกันซักหน่อย เพราะในบทความนี้จะขอพูดถึงเกี่ยวกับกระแสข่าวตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงที่ผ่านมา ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในกระแสข่าวที่น่าสนใจกันหน่อย และสำหรับกระแสข่าวที่จะพูดกันในบทความนี้นั้น เป็นกระแสข่าวเกี่ยวกับทีมสิงห์ไฮโซเชลซีของกุนซือ โฆเซ่ มูริญโญ่ ที่ตกเป็นข่าวสนใจตัวเจ้าราดาเมล ฟัลเกามาเสริมทีมในฤดูกาลนั่นเอง

โดยทั้งนี้ จากกระแสข่าวที่ออกมานั้น ระบุว่า การที่ทางเชลซีให้ความสนใจในตัวเจ้า ราดาเมล ฟัลเกา นั้น นั่นก็เพราะ หวังต้องการที่จะดึงตัวมาเป็นตัวแมนของเจ้า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่กำลังจะย้ายออกไปหลังจบฤดูกาลนี้นั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จากกระแสข่าวดังกล่าวที่ออกมานี้จะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าเป็นจริงนั้น คงต้องบอกว่า เป็นการเลือกที่ตัดสินใจดีแล้วหรือสำหรับเชลซี

สำหรับเหตุผลว่าทำไมนั้นถึงต้องกล่าวเช่นนั้นก็เพราะว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ฟอร์มการเล่นและผลงานของเจ้าราดาเมล ฟัลเกานั้น ดูจะดรอปลงไปพอสมควรเลย หากเทียบกับก่อนหน้านี้ ซึ่งผลงานของเขากับทีมแมนยูก็น่าจะพอเป็นคำตอบได้แล้ว ว่าเขาฟอร์มตกลงไปพอสมควรเลย ดังนั้นเลยมองว่า หากเชลซีอยากหากองหน้าตัวใหม่เพิ่มนั้น ควรไปหาตัวเลือกอื่นดีกว่า หรือไม่ก็เลือกที่จะเก็บ ดร็อกบาไว้ต่อไป อย่างน้อยๆแม้อายุของเจ้า ดร็อกบานั้นจะเยอะแล้ว แต่ผลงานที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ ก็ถือว่าทำได้ดีระดับนึง อีกทั้งไม่ต้องปรับตัวอะไรอีกด้วย แต่หากดึงตัวเจ้าฟัลเกามา ก็ต้องมาลุ้นอีกว่า เขาจะปรับตัวเข้ากับเชลซีได้รึเปล่าอีก อีกทั้งค่าเหนื่อยของเจ้าตัวก็ค่อนข้างสูงอีกด้วย แม้ว่าอาจจะมีโอกาสอยู่ที่บางทีหากเจ้า ฟัลเกามาอยู่กับเชลซีนั้น เขาอาจจะกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมองว่า

มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี

ยูเวนตุส กับการผ่านเข้าชิงUCLปีนี้ได้สำเร็จ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เขาควรได้รับเครดิตด้วย!

มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี
มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี

สำหรับศึกการแข่งขันฟุตบอลรายการยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้นั้น ในที่สุดก็ได้คู่เข้าชิงชนะเลิศของปีนี้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสำหรับคู่ชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลนี้นั้น นั่นก็คือ เป็นการพบกันของบาร์เซโลน่าจากสเปน กับยูเวนตุสจากอิตาลีนั่นเอง และแน่นอนก็คงต้องบอกว่า สำหรับผลของคู่ชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้นั้น ถือว่าเป็นผลที่ค่อนข้างเกินความคาดหมายพอสมควร เพราะต้องบอกว่า ทางด้านทีมยักษ์ใหญ่จากอิตาลีอย่างยูเวนตุสนั้น ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกินจริงๆ เพราะปีนี้พวกเขาสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงได้สำเร็จแบบเกินความคาดหมายนั่นเอง

และการที่ยูเวนตุสทำผลงานในรายการนี้ได้ดีเหลือเกินด้วยการผ่านเข้ารอบชิงแบบเกินความคาดหมายได้สำเร็จนั้น ดูเหมือนกระแสหลังเกมที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงทีมยูเวนตุสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับในบทความนี้เลยขอหยิบเอาประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมมาพูดถึงกันหน่อย และสำหรับประเด็นที่จะพูดกันในบทความนี้นั้น นั่นก็คือประเด็นเกี่ยวกับมัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือของทีมยุเวนตุสนั่นเอง เพราะดูเหมือนว่า การที่ยูเวนตุสสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้ได้สำเร็จนั้น มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือของทีมนั้น ไม่ค่อยได้รับเครดิตเท่าไหร่ นั่นเอง

นั่นก็เพราะมีเสียงบางส่วนมองว่า การที่ยูเวนตุสทำผลงานดีทั้งในลีกและรายยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ทีมยูเวนตุสนั้นได้ถูกวางระบบจากกุนซือคนเก่าอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ไว้ดีอยู่แล้ว เลยทำให้ยังมีเสียงบางส่วนมองว่า ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะฝีมือการคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี นั่นเอง ดังนั้นเลยขอพูดถึงประเด็นดังกล่าวนี้ซักหน่อย เพราะว่าสำหรับโดยส่วนตัวแล้วนั้นมองว่า แม้การที่ยูเวนตุสทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ทั้งในลีกและนอกลีกนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ระบบของทีมที่คอนเต้วางเอาไว้ก็จริงๆ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องบอกว่า มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เขาก็ควรได้รับเครดิตด้วย

สำหรับเหตุผลว่าทำไมนั้น นั่นก็เพราะคิดว่า ถึงแม้ระบบทีมโดยเดิมจะดีอยู่แล้วยังไง แต่ถ้ากุนซือที่คุมทีมไม่มีฝีมือด้วยนั้น ทีมก็คงยากที่จะทำผลงานได้ดีด้วย อีกทั้งโดยทั้งนี้จริงๆแล้วคำตอบจากผลงานในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกที่ผ่านมานั้น ก็น่าจะพอเป็นคำตอบที่ยืนยันได้แล้ว ว่ามัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรีเป็นกุนซือที่มีฝีมือแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมนะว่า หลายปีหลังที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ แม้แต่ในยุคของอันโตนิโอ คอนเต้กุนซือคนเก่าก่อนหน้านี้เองก็ตาม ยูเวนตุสก็แทบไม่สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงรายการนี้ได้เลย แถมยังต้องมาพบคู่แข่งอย่างรีลมาดริดในรอบรองชนะเลิศที่เหนือกว่าทั้งเรื่องประสบการณ์และขุมกำลังด้วย แต่มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี สามารถพาทีมผ่านจนเข้าถึงรอบชิงได้ ดังนั้น มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ควรได้รับเครดิตสำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมของยูเวนตุสในปีนี้ด้วยนั่นเอง.