แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย โปรแกรมต่อไปของผีแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

หลังจากเสียสถิติชนะรวดไป หลายคนเริ่มมีคำถามกันแล้วว่าที่ผ่านมาที่พวกเค้าชนะรวดมานั้นเป็นเพราะว่าพวกเค้าได้เจอกับทีมที่ระดับต่ำกว่าเยอะใช่หรือเปล่า ส่วนหนึ่งก็ต้องตอบว่าเป็นเช่นนั้นแต่การเจอเกมติดๆกันช่วงบ็อกซิ่งเดย์ แล้วชนะรวดก็ไม่ง่ายเหมือนกัน แต่หลังจากเสมอกับลิเวอร์พูลไป 1-1 พวกเค้าจะไปเจอใครต่อบ้าง

การไปเยือนสโต๊คของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไม่เคยง่าย

เกมต่อไปเป็นเกมยากแน่นอน นั่นคือการไปเยือน บริทาเนีย สเตเดี้ยมของเหล่าช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ ที่เล่นเกมหนัก ประชิดตัวได้ดีเหลือเกิน เกมบีบเร็ว เพรสซิ่งสูงแบบนี้ ไมเคิล คาร์ริค หัวใจสำคัญในแดนกลางไม่ค่อยถนัดเท่าไร ต้องมาดูกันว่าพวกเค้าจะเอาชนะได้หรือเปล่า แถมกองหน้าตัวสูงอย่าง ปีเตอร์ เคราซ์ ก็พร้อมจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยเหมือนกัน

ต้อนรับ เสือกับโค้ชใหม่

เกมที่สอง จะกลับมาเล่นในบ้าน เจอกับทีมฮัลล์ ซิตี้ที่ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นเสือลำบากจริงๆ กับการดิ้นรนหนีตกชั้น แม้ว่าแมนยู เพิ่งจะเอาชนะไปได้จากเกม อีเอฟแอล นัดแรก 2-0 ไปแบบสบาย แต่เกมนี้ก็ไม่ควรประมาท ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง มาร์โก ซิลวา น่าจะมีอะไรมารับมือบ้าง แต่ถ้าไม่มีอะไรเลยแสดงว่า เราคาดหวังในตัวเค้ามากเกินไป

การบุกบ้านแชมป์เก่าที่กำลังลำบาก

เกมที่สามเปิดหัวเดือนแห่งความรักด้วยการไปเยือน คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยมของแชมป์เก่าเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ฤดูกาลนี้ต้องบอกว่า ไม่ดีเอาเสียเลย การได้ไปเล่น UCL ทำให้ทีมเสียสมดุลไปเยอะ ยิ่งเกมนี้เลสเตอร์ ขาดนักเตะตัวหลักไปรับใช้ทีมชาติในศึกแอฟริกัน เนชั่นคัพ ถึง 3 คน น่าจะทำให้พิษสงหายไปเยอะแต่อย่างไรก็ดี แชมป์เก่าที่ตอนนี้กำลังจะกระเสือกกระสนเต็มที่น่าจะเล่นแบบเต็มที่สู้ไม่ถอย เหมือนกัน

คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า

เปิดใจคาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า กับโลกลูกหนังยุคใหม่

คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า
คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า

ในปี 1967 รัฐบาลบราซิลได้ตัดสินใจส่งโค้ชหนุ่มคนหนึ่งไปรับหน้าที่คุมทีมชาติกานา โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบนถนนลูกหนังที่แสนยาวไกล สำหรับขายที่คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่ ท่ามกลาง ความสำเร็จมากมายทั้งระดับโลกทวีป และประเทศ

คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า เริ่มต้นกับทีมชาติด้วยการทำหน้าที่นักกายภาพในปี 1970 ก่อนจะขึ้นมารั้งตำแหน่งเฮดโค้ช ครั้งแรกในปี 1983 แต่มาประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงทศวรรษที่ 90 หลังกลับมาทำงานยาว 4 ปีจนสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองในการแข่งขันที่สหรัฐฯ เมื่อปี 1994 ช่องว่างระหว่างนั้นปาร์เรร่า ยังมีโอกาสทำหน้าที่เทรนเนอร์ให้กับทีมชาติในแถบตะวันออกกลางทั้ง คูเวต ขณะที่ระดับสโมสรยอดกุนซือผู้นี้ผ่านการทำงานกับทั้ง ไอ้ค้างคาว บาเลนเซีย สโมสรดังของสเปน เฟเนร์บาห์เช่ ทีมของตุรกี นิวยอร์ก คอสโม สโมสรรวมดาวของลีกอเมริกาช่วงทศวรรษที่ 70 วาสโก ตากาม่า โครินเธียและฟลูมิเนนเช่ ที่เขาฯ ออกๆ ถึง 4 ครั้ง โดยสามารถคว้าแชมป์แห่งชาติมาได้สำเร็จในปี 1984 ทำให้พอ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ลงจากตำแหน่งหลังชัยชนะในนัดชิงชนะเลิศเวิลด์ คัพ 2002 ที่โยโกฮาม่า อินเตอร์เนชั่นแนลสเตเดี้ยม สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิลต้องเฟ้นหาตัวผู่สืบทอดตำแหน่งอยู่นานก่อนจะตัดสินใจดึงตัวปาร์เรร่า มาร่วมงานเป็นครั้งที่ 4 และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อประเดิมด้วยการนำทีมคว้าแชมป์โคปา อเมริกา เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยเกียรติประวัติที่ยาวเหยียดของ คาร์ลอส อัลแบร์โด้ ปาร์เรร่า บ่งบอกได้ถึงพรสวรรค์ในตัวของเขาที่มีความซ่ำซองในการคุมทีมจนทำให้เขาเปรียบเสมือนเป็นศิลปินเอกแห่งวงการฟุตบอลบราซิล

เวส บราวน์

ข่าวด่วน เวส บราวน์ ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าถึงสองครั้งในเดือนสิงหาคม

เวส บราวน์
เวส บราวน์

เวส บราวน์บอกแต่การที่ผมมีโอกาสได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องมากขึ้น คงจะช่วยทำให้ผมมีโอกาสพัฒนาฝีเท้าของตัวเองได้มากกว่า ซึ่งผมจะพยายามทุ่มเทเต็มที่ทุกครั้ง เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง

ผมอยากจะลงเล่นเป็นประจำทุกๆสัปดาห์ และอยากจะเป็นแกนหลักของแมนฯยูไนเต็ดและรวมไปทีมชาติอังกฤษด้วย

ที่ผ่านมา เวส บราวน์ ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บมามากแล้ว ดังนั้นผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะกลับมาสู้เพื่อตำแหน่งในทีมได้อย่างเต็มที่เสียที โดยมีสมาธิกับเกมอย่างเต็มที่

ที่ผ่านมาอาการบาดเจ็บอาจจะทำให้คุณขาดความเชื่อมั่นไปบ้างแต่เมื่อคุณสามารถกลับมาลงซ้อมได้อีกครั้ง เพื่อนๆก็จะช่วยให้กำลังใจคุณเอง เช่นเดียวกับผู้จัดการทีมที่คอยเอาใจใส่ และให้คำแนะนำจนคุณสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อีกครั้ง

แน่นอนว่า การกลับมาหลังอาการบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักๆซ้ำที่เดิมอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามผมคิดว่าตัวเอง ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้ ด้วยสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ซึ่งการกลับมาหนนี้ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาลงสนาม และพยายามจะทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด

ในช่วงฝึกซ้อมก่อนเปิดฤดูกาลนี้ บราวน์ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าถึงสองครั้งในเดือนสิงหาคม โดยครั้งที่สองมีสาเหตุมาจากการโดนชนล้มในขณะฝึกซ้อม

ผมไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่า เหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นกับผม ทั้งๆที่เพิ่งเป็นการฝึกซ้อมในวันแรกๆ เท่านั้น

ในตอนแรกที่ผมลุกขึ้นมา ผมคิดว่าอาการคงจะไม่หนักหนาอะไรมาก แต่ว่า หลังจากนั้นผมรู้สึกเจ็บมาก และไม่สามารถทำอะไรได้เลยหลายสัปดาห์

แม็คมานามาน

ทุกวันนี้ แม็คมานามานย้ายมาอาศัยอยู่ใน แมนเชสเตอร์ เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของอริสำคัญ

แม็คมานามาน
แม็คมานามาน

ทุกวันนี้ แม็คมานามานย้ายมาอาศัยอยู่ใน แมนเชสเตอร์ เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของอริสำคัญสำหรับอดีตต้นสังกัดของเขา ลิเวอร์พูล และมักต้องเจอการท้าทายจากแฟนบอลของ ยูไนเต็ด อยู่เป็นประจำ ทว่าทั้งหมดก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าตัวชวชินเสียแล้ว

ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไรกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ ผมอยู่ใน แมนเชสเตอร์ ก็เลยไม่แปลกอะไรที่แฟนบอลของ ยูไนเต็ด จะตะโกนด่าเมื่อเจอกัน แต่แล้วไงล่ะ เรื่องทั้งหมดเป็นอดีตสำหรับผม ผมเคยเป็นนักเตะลิเวอร์พูล และก็จากมาแล้ว ร็อบบี้ฟาวเลอร์ อาจจะรู้สึกฮึดฮัดอยู่บ้าง แต่นั่นก็เพราะเขาไม่ชอบโดนใครหาเรื่องก่อน

แต่ผมเคยเจอเรื่องแบบนี้มามากแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่กับลิเวอร์พูล หลังจบเกมดาร์บี้แมตช์ ผมไม่ค่อยอยากจะออกไปไหน เพราะมักมีเอฟเวอร์โตเนียน จ้องเล่นงานคุณอยู่เสมอ และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะต้องทำแบบนี้ เพราะเราเพิ่งเอาชนะเขามาได้ แต่ผมไม่สนหรอก

ความเรียบง่าย และเก็บตัวเปรียบเสมือนบุคลิกประจำตัวของอดีตสตาร์ รีล มาดริด ผู้นี้ และนั่นก็ส่งผลให้ เอล แม็คก้า (El Macca) หนังสือที่เล่าเรื่องราวตลอดสี่ปีของเขาในสเปน ซึ่งเขียนโดย ซาราห์ เอ็ดเวิร์ทธี ไม่ได้รับการโปรโมตเท่าที่ควร แต่ทั้งหมดก็เป็นไปตามความต้องการของเจ้าตัวเอง

ผมไม่เคยคิดอยากจะทำหนังสืออัตชีวประวัติอยู่แล้ว ผมว่าหนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่มันน่าเบื่อ หากว่าคุณไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้คนอ่านผังจริงๆ ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องเล่าเรื่องสมัยอยู่กับลิเวอร์พูล ให้ใครรู้ ส่วนเรื่องสมัยเด็กของผมมันก็มีแต่ช่วงดีๆเท่านั้น

เชลซี กับการหวังดึงตัว ราดาเมล ฟัลเกา มาเสริมแนวรุกอีกคนในฤดูกาลหน้า เป็นการเลือกที่ดีแล้วจริงๆหรือ

อย่างที่ทราบกันดี ว่าสำหรับช่วงนี้นั้นหลังจากที่ หลายๆลีกดังของยุโรป ต่างก็ได้แชมป์ในฤดูกาลนี้กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กระแสของตลาดซื้อขายนักเตะรอบใหม่นั้น ก็เริ่มคึกคักกันเรื่อยๆเลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับในบทความนี้ ก็คงต้องเกาะกระแสกันซักหน่อย เพราะในบทความนี้จะขอพูดถึงเกี่ยวกับกระแสข่าวตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงที่ผ่านมา ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในกระแสข่าวที่น่าสนใจกันหน่อย และสำหรับกระแสข่าวที่จะพูดกันในบทความนี้นั้น เป็นกระแสข่าวเกี่ยวกับทีมสิงห์ไฮโซเชลซีของกุนซือ โฆเซ่ มูริญโญ่ ที่ตกเป็นข่าวสนใจตัวเจ้าราดาเมล ฟัลเกามาเสริมทีมในฤดูกาลนั่นเอง

โดยทั้งนี้ จากกระแสข่าวที่ออกมานั้น ระบุว่า การที่ทางเชลซีให้ความสนใจในตัวเจ้า ราดาเมล ฟัลเกา นั้น นั่นก็เพราะ หวังต้องการที่จะดึงตัวมาเป็นตัวแมนของเจ้า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่กำลังจะย้ายออกไปหลังจบฤดูกาลนี้นั่นเอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จากกระแสข่าวดังกล่าวที่ออกมานี้จะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าเป็นจริงนั้น คงต้องบอกว่า เป็นการเลือกที่ตัดสินใจดีแล้วหรือสำหรับเชลซี

สำหรับเหตุผลว่าทำไมนั้นถึงต้องกล่าวเช่นนั้นก็เพราะว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ฟอร์มการเล่นและผลงานของเจ้าราดาเมล ฟัลเกานั้น ดูจะดรอปลงไปพอสมควรเลย หากเทียบกับก่อนหน้านี้ ซึ่งผลงานของเขากับทีมแมนยูก็น่าจะพอเป็นคำตอบได้แล้ว ว่าเขาฟอร์มตกลงไปพอสมควรเลย ดังนั้นเลยมองว่า หากเชลซีอยากหากองหน้าตัวใหม่เพิ่มนั้น ควรไปหาตัวเลือกอื่นดีกว่า หรือไม่ก็เลือกที่จะเก็บ ดร็อกบาไว้ต่อไป อย่างน้อยๆแม้อายุของเจ้า ดร็อกบานั้นจะเยอะแล้ว แต่ผลงานที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ ก็ถือว่าทำได้ดีระดับนึง อีกทั้งไม่ต้องปรับตัวอะไรอีกด้วย แต่หากดึงตัวเจ้าฟัลเกามา ก็ต้องมาลุ้นอีกว่า เขาจะปรับตัวเข้ากับเชลซีได้รึเปล่าอีก อีกทั้งค่าเหนื่อยของเจ้าตัวก็ค่อนข้างสูงอีกด้วย แม้ว่าอาจจะมีโอกาสอยู่ที่บางทีหากเจ้า ฟัลเกามาอยู่กับเชลซีนั้น เขาอาจจะกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมองว่า

มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี

ยูเวนตุส กับการผ่านเข้าชิงUCLปีนี้ได้สำเร็จ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เขาควรได้รับเครดิตด้วย!

มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี
มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี

สำหรับศึกการแข่งขันฟุตบอลรายการยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้นั้น ในที่สุดก็ได้คู่เข้าชิงชนะเลิศของปีนี้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสำหรับคู่ชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกฤดูกาลนี้นั้น นั่นก็คือ เป็นการพบกันของบาร์เซโลน่าจากสเปน กับยูเวนตุสจากอิตาลีนั่นเอง และแน่นอนก็คงต้องบอกว่า สำหรับผลของคู่ชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้นั้น ถือว่าเป็นผลที่ค่อนข้างเกินความคาดหมายพอสมควร เพราะต้องบอกว่า ทางด้านทีมยักษ์ใหญ่จากอิตาลีอย่างยูเวนตุสนั้น ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกินจริงๆ เพราะปีนี้พวกเขาสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงได้สำเร็จแบบเกินความคาดหมายนั่นเอง

และการที่ยูเวนตุสทำผลงานในรายการนี้ได้ดีเหลือเกินด้วยการผ่านเข้ารอบชิงแบบเกินความคาดหมายได้สำเร็จนั้น ดูเหมือนกระแสหลังเกมที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงทีมยูเวนตุสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับในบทความนี้เลยขอหยิบเอาประเด็นที่น่าสนใจหลังเกมมาพูดถึงกันหน่อย และสำหรับประเด็นที่จะพูดกันในบทความนี้นั้น นั่นก็คือประเด็นเกี่ยวกับมัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือของทีมยุเวนตุสนั่นเอง เพราะดูเหมือนว่า การที่ยูเวนตุสสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้ได้สำเร็จนั้น มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือของทีมนั้น ไม่ค่อยได้รับเครดิตเท่าไหร่ นั่นเอง

นั่นก็เพราะมีเสียงบางส่วนมองว่า การที่ยูเวนตุสทำผลงานดีทั้งในลีกและรายยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ทีมยูเวนตุสนั้นได้ถูกวางระบบจากกุนซือคนเก่าอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ไว้ดีอยู่แล้ว เลยทำให้ยังมีเสียงบางส่วนมองว่า ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะฝีมือการคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี นั่นเอง ดังนั้นเลยขอพูดถึงประเด็นดังกล่าวนี้ซักหน่อย เพราะว่าสำหรับโดยส่วนตัวแล้วนั้นมองว่า แม้การที่ยูเวนตุสทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ทั้งในลีกและนอกลีกนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ระบบของทีมที่คอนเต้วางเอาไว้ก็จริงๆ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องบอกว่า มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เขาก็ควรได้รับเครดิตด้วย

สำหรับเหตุผลว่าทำไมนั้น นั่นก็เพราะคิดว่า ถึงแม้ระบบทีมโดยเดิมจะดีอยู่แล้วยังไง แต่ถ้ากุนซือที่คุมทีมไม่มีฝีมือด้วยนั้น ทีมก็คงยากที่จะทำผลงานได้ดีด้วย อีกทั้งโดยทั้งนี้จริงๆแล้วคำตอบจากผลงานในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกที่ผ่านมานั้น ก็น่าจะพอเป็นคำตอบที่ยืนยันได้แล้ว ว่ามัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรีเป็นกุนซือที่มีฝีมือแน่นอน เพราะต้องไม่ลืมนะว่า หลายปีหลังที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ แม้แต่ในยุคของอันโตนิโอ คอนเต้กุนซือคนเก่าก่อนหน้านี้เองก็ตาม ยูเวนตุสก็แทบไม่สามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงรายการนี้ได้เลย แถมยังต้องมาพบคู่แข่งอย่างรีลมาดริดในรอบรองชนะเลิศที่เหนือกว่าทั้งเรื่องประสบการณ์และขุมกำลังด้วย แต่มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี สามารถพาทีมผ่านจนเข้าถึงรอบชิงได้ ดังนั้น มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ควรได้รับเครดิตสำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมของยูเวนตุสในปีนี้ด้วยนั่นเอง.

แอตมาดริดกับผลงานในฤดูกาลนี้ที่ดูดรอปลง นั่นก็เพราะกองหน้าที่มียังทำช่วยทีมได้ไม่ดีเท่าที่ควร

แอตมาดริด
แอตมาดริด

หากพูดถึงหนึ่งในทีมที่ถือว่า ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ดูดรอปลงไปพอสมควรนั้น ไม่อาจจะปฏิเสธแน่นอนว่าสำหรับทีมตราหมีแอตมาดริดของกุนซือ ดิเอโก้ ซิโมเน่นั้น คือหนึ่งในนั้นด้วยแน่นอน เพราะต้องบอกว่า สำหรับผลงานของทีมแอตมาดริดในฤดูกาลนี้ ค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าผลงานของพวกเขาดูดรอปลงพอสมควรจริงๆ โดยสังเกตุได้จากผลงานในลีกที่ตอนนี้เริ่มโดนสองทีมอย่างรีลมาดริดและบาร์เซโลน่านั้น ทิ้งคะแนนห่างไปเรื่อยๆ จนทำให้ต้องบอกว่า โอกาสที่พวกเขาจะลุ้นแชมป์นั้น เริ่มลดน้อยลงเข้าไปทุกทีแล้ว เรียกได้ว่าฟอร์มของแอตมาดริดฤดูกาลนี้ดูดรอปลงพอสมควรจริงๆ เพราะฤดูกาลแล้วนั้น พวกเขาสามารถเบียดลุ้นแชมป์กับบาร์เซโลน่าได้อย่างสูสีเลยทีเดียว จนสามารถคว้าแชมป์มาได้สำเร็จนั่นเอง

และแน่นอนว่า ด้วยฟอร์มและผลงานของทีมแอตมาดริดในฤดูกาลนี้ ที่ดูจะดรอปลงไปพอสมควรนั้น คำถามที่ตามาก็คงหนีไม่พ้นว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้ผลงานในฤดูกาลนี้ของพวกเขาดูดรอปลง ดังนั้นสำหรับในบทความนี้ เลยจะขอพูดถึงประเด็นนี้กันหน่อย แลละจะมาดูกันว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้ฟอร์มการเล่นและผลงานของทีมแอตมาดริดในฤดูกาลนี้ดูดรอปลงไปพอสมควร และสำหรับคำตอบก็คือ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกองหน้าที่มีอยู่นั้น ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้กับทีมได้ดีเท่าที่ควรนั่นเอง

โดยสำหรับกองหน้าที่พูดถึงนั้นก็คือ กองหน้าตัวใหม่ของพวกเขาอย่างเจ้า มาริโอ้ มานซูคิสนั่นเอง เพราะจะเห็นได้ว่า สำหรับ27นัด12ประตูที่เป็นผลงานในลีกนั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่เขายังทำได้ไม่ค่อยเท่าไหร่นัก เลยทำให้หลายๆครั้งแอตมาดริดเลยไม่สามารถเก็บคะแนนสำคัญได้ เพราะว่ากองหน้าไม่สามารถช่วยทีมในเรื่องการผลิตสกอร์ได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งเปรียบเทียบกันง่ายๆเลยก็คือ จะเห็นได้ว่าในฤดูกาลที่แล้วนั้น แอตมาดริดมีกองหน้าอย่างเจ้า ดิเอโก้ คอสต้าที่ช่วยยิงประตูมให้กับทีมไปหลายประตูเลย ก็เลยทำให้ทีมแอตมาดริดมีผลงานที่ดีตามไปด้วย สามารถเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง แต่พอมาฤดูกาลนี้ ขาดเจ้าดิเอโก้ คอสต้าไป แล้วคนที่เข้ามาทำหน้าที่แทนอย่างเจ้า มาริโอ้ มานซูคิสนั้นก็ยังไม่สามารถทดแทนและทำหน้าที่แทนในเรื่องการยิงประตูได้เท่าไหร่ ก็เลยเป็นเหตุทำให้ส่งผลต่อผลงานของทีมแอตมาดริดไปด้วยนั่นเอง.

ราดาเมล ฟัลเกา ถ้ายังไม่โชว์ฟอร์มเก่งออกมา เขาอาจจะไม่ได้แค่จะหมดอนาคตกับแค่แมนยูทีมเดียวเท่านั้น!

ราดาเมล ฟัลเกา
ราดาเมล ฟัลเกา

หลังจากที่ศึกการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษนั้น ก็ได้เข้าใกล้ช่วงท้ายฤดูกาลนี้เข้าไปทุกทีแล้ว สำหรับในบทความนี้เลยจะขอพูดถึงเกี่ยวกับฟอร์มและผลงานของเหล่านักเตะใหม่ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้กันหน่อย เพราะดูเหมือนว่าจากผลงานที่ผ่านมานั้น ดูเหมือนจะมีเหล่านักเตะใหม่หลายคนเลยทีเดียวที่ทำผลงานออกมาได้ดีเกินความคาดหมาย สำหรับการย้ายมาร่วมทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกของพวกเขา แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่ดูเหมือน ฟอร์มและผลงานที่ออกมาจะทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ชนิดที่น่าผิดหวังพอสมควร ดังนั้นสำหรับในบทความนี้จะขอมาพูดถึงหนึ่งในนักเตะใหม่ที่ฟอร์มน่าผิดหวังกันหน่อยนั่นเอง

และสำหรับนักเตะที่จะพูดถึงกันในบทความนี้ก็คือ ชายที่ชื่อว่า ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าตัวใหม่ของทีมแมนเชสเตอร์ยูในเต็ดนั่นเอง เพราะต้องบอกว่า สำหรับผลงานของเจ้าฟัลเกากับแมนยูในฤดูกาลแรกของเขานี้ แม้ว่าถึงตอนนี้จะยังไม่จบฤดูกาลนี้ก็ตาม แต่ไม่อาจจะปฏิเสธได้จริงๆว่า สำหรับฟอร์มและผลงานที่ผ่านมาของเจ้า ราดาเมล ฟัลเกานั้น ถือว่าโชว์ออกมาได้อย่างน่าผิดหวังไปหน่อย เพราะสิ่งที่ได้เห็นก็คือ ฟอร์มและผลงานของเจ้าราดาเมล ฟัลเกานั้น แทบไม่เหลือฟอร์มของคนที่เคยได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดคนนึงของยุโรปเลย ทั้งๆที่เขาเด่นในเรื่องการยิงประตูมาก แต่ทว่าพอมาอยู่กับแมนยูนั้น ตัวเลขการยิงประตูของเขาที่ออกมา ถือว่าน่าผิดหวังพอสมควรเลย ทำให้พอเห็นฟอร์มของเจ้าฟัลเกาแบบนี้แล้ว ก็แอบกังวลแทนเจ้าตัวไม่ได้ เพราะว่า ถ้าหากหลังจากนี้ ก่อนจบฤดูกาลเจ้าตัวยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ เขาอาจจะต้องโดนแมนยูส่งตัวกลับ และเผลอๆนั้น เขาอาจจะต้องหาทีมใหม่อีกรอบด้วยก็เป็นได้

นั่นก็เพราะคิดว่า หากหลังจากนี้ ราดาเมล ฟัลเกายังไม่สามารโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้นั้น เชื่อว่าเขาอาจจะไม่ได้แค่หมดอนาคตกับแมนยูเท่านั้น เขาก็อาจจะหมดอนาคตกับทีมต้นสังกัดอย่างโมนาโกด้วย เพราะต้องไม่ลืมนะว่า ตอนนี้อายุของเขาก็เริ่มมากแล้ว ค่าเหนื่อยก็เยอะ หากแมนยูไม่ต้องการแล้วส่งตัวกลับโมนาโก แถมฟอร์มไม่ดีแบบนี้ เชื่อว่าทางโมนาโกนั้นก็อาจจะ ไม่อยากได้ตัวกลับหรือว่า อาจจะต้องขายออกไปจากทีมก็เป็นได้ แล้วทีนี้ด้วยการที่เจ้าตัวนั้น มีเรทค่าเหนื่อยที่แพง และด้วยที่โมนาโกซื้อตัวมาแพงด้วย เชื่อว่าหากโมนาโกจะขายออกไปนั้น พวกเขาก็คงต้องการราคาที่เหมาะสมระดับนึง ซึ่งคิดว่าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คงขายออกลำบาก เพราะดูจากสภาพแล้ว คงมีแต่ทีมใหญ่เท่านั้นที่พอจะจ่ายค่าเหนื่อยแพงๆให้เขาได้ แต่ทว่าก็อย่างที่บอก ว่าฟอร์มของเจ้าราดาเมล ฟัลเกาที่ผ่านมานั้น เรียกได้ว่า โชว์ฟอร์มไม่ค่อยดีเลย ก็คงยากที่จะมีทีมใดมาสนใจ ดังนั้นเลยคิดว่า สำหรับโปรแกรมที่เหลือหลังจากนี้ ฟัลเกาจะต้องพยายามให้มากขึ้น เพื่อโชว์ฟอร์มเก่งออกมาให้ได้ เพื่ออนาคตของตัวเขาเองนั่นเอง.

พรีเมียร์ลีกอังกฤษกับศึกการแย่งพื้นที่บอลยุโรปปีนี้ คืออีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้การลุ้นแชมป์เลย!

พรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก

หลังจากที่ศึกการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล2014-2015นี้นั้น ได้เดินทางผ่านเข้าสู่ช่วงครึ่งทางหลัง หรือว่าผ่านเข้าสู่ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังไปเป็นที่เรียบร้อยได้ซักระยะนึงแล้วนั้น สำหรับในตอนนี้หากดูจากตารางคะแนนแล้วก็คงต้องบอกว่า ดูเหมือนทีมที่จะน่าจะลุ้นแย่งตำแหน่งแชมป์ของฤดูกาลนี้ไปจนถึงท้ายๆฤดูกาลก็คงเหลือเพียงแค่เชลซีและแมนซิตี้แน่นอน เพราะหากดูจากตารางคะแนนในตอนนี้ จะเห็นได้ว่าชัดเจนเลยว่า ทั้งสองทีมหัวตารางอย่างเชลซีและแมนซิตี้นั้น เริ่มทิ้งห่างทีมที่เหลือไปเรื่อยๆแล้ว อีกทั้งที่ผ่านมานั้นผลงานของทั้งสองทีมพวกเขาคือสองทีมที่รักษาความสม่ำเสมอของผลงานได้ดีที่สุด แม้ว่าจะเหลืออีกหลายนัดก็ตามแต่ก็เชื่อว่า สุดท้ายแล้วเส้นทางการลุ้นแชมป์ปีนี้ก็คงเหลือแค่เชลซีและแมนซิตี้ที่จะตัดสินใจกันเอง แต่จะเป็นทีมไหนที่เป็นทีมคว้าแชมป์มาได้สำเร็จนั้น ก็คงต้องรอดูกันต่อไป

แต่อย่างไรก็ดี แต่พอหลังจากที่ได้ดูสถานการณ์ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ล่าสุดที่ผ่านมา คงต้องบอกว่า ดูเหมือนนอกจากเส้นทางลุ้นแชมป์ที่เหลือระหว่างเชลซีและแมนซิตี้นั้น จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจแล้ว ในส่วนของศึกการแย่งชิงพื้นที่บอลยุโรปในฤดูกาลหน้านั้น ดูเหมือนจะเข้มข้นและน่าสนใจไม่แพ้เหมือนกันเลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าจะเห็นได้ว่า หากไล่ตั้งแต่อันดับสามของตารางลงจนถึงประมาณอันดับที่8แถวๆกลางตารางนั้น คะแนนของแต่ละทีมสูสีกันเลยทีเดียว ห่างกันเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น เรียกได้ว่ายังมีโอกาสพลิกแซงกันได้ตลอดเวลานั่นเอง

โดยไล่ตั้งแต่ที่แมนยูซึ่งรั้งอันดับสามของตาราง ที่แม้ที่ผ่านมานั้น ผลงานการเล่นโดยรวมของทีมจะยังไม่เข้าที่เท่าที่ควร แต่พวกเขาก็เริ่มสามารถเก็บคะแนนได้ต่อเนื่องจนสามารถเกาะกลุ่มหัวตารางได้หลายสัปดาห์เหมือนกัน ต่อมาทีมที่ถือว่าทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้อย่างค่อนข้างเซอร์ไพรส์อย่าง เซ้าท์แธมป์ตันนั้น แม้ระยะหลังพวกเขาจะเริ่มสะดุดติดต่อกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังสามารถเกาะกลุ่มท็อปโฟร์ได้อย่างเหนียวแน่น ต่อมาในส่วนของอาร์เซน่อลของกุนซือ อาร์เซน เวนเกอร์นั้นก็เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ส่วนลิเวอร์พูลเองตั้งแต่ได้กองหน้าตัวเก่งอย่าง ดาเนี่ยล สเตอริดจ์กลับมา ทีมก็เริ่มทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะทีมสามารถเก็บชัยชนะได้ติดต่อกัน ส่วนสเปอร์สเองระยะหลังๆนั้น ก็ฟอร์มร้อนแรงใช้เล่นเลย เรียกได้ว่า ไล่ตั้งแต่แมนยูยาวลงมาถึงสเปอร์สนั้น ทุกทีมต่างก็ทำผลงานในช่วงระยะหลังๆได้ดีกันทั้งนั้น จนทำให้ต้องบอกว่า มองไม่ออกจริงๆว่า สุดท้ายแล้วอีกสองทีมที่เหลือนอกจากเชลซีและแมนซิตี้นั้น จะมีทีมใดบ้างที่เป็นฝ่ายสามารถคว้าตั๋วสองใบสุดท้ายเพื่อคว้าโควต้าไปเตะบอลยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ ซึ่งถือว่า ศึกการลุ้นแย่งพื้นที่บอลยุโรปพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกันนั่นเอง.

ฟุตบอลระดับชาติ เรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องเข้าใจ

ฟุตบอล

ถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮา และความเสื่อมเสียไปพร้อมกัน นั่นคือ การที่มีนักเตะจากทีมชาติระดับบิ๊กเนมคนหนึ่งออกมาวิจารณ์กับสื่อในการลงเตะระดับทีมชาติกับทีมที่อยู่ระดับต่ำกว่า หรือที่เรียกว่าสมันน้อย หรือ หมูตู้ประจำกลุ่ม ว่าไม่ได้มีผลอะไรในการพัฒนาฟุตบอลของตัวเองเลย จากคำวิจารณ์ดังกล่าวเล่นเอาสะดุ้งไปเหมือนกัน โอเคทีมที่มีระดับสูงกว่าก็คงจะเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการไปได้ แต่การแข่งขันที่ห่างชั้นแบบนี้เอาจริงมันก็มีข้อดีเหมือนกัน

การเข้าถึงฟุตบอลอย่างเท่าเทียมกัน

อย่างแรกเลย การที่ทีมเก่งๆยังต้องมาแข่งกับทีมที่อาจจะดูอ่อนชั้นกว่าทั้งในเรื่องของนักเตะ แท็คติค และการเตรียม รวมถึงปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย บางคนอาจจะค้านว่าไปแข่งทำไมยังไงก็แพ้ แต่อีกมุมหนึ่งมันเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมชาติทุกชาติที่เป็นสมาชิกของฟีฟ่า สามารถเข้าถึงฟุตบอลได้อย่างเท่าเทียมกัน หากชาติใดเป็นสมาชิกของฟีฟ่าแล้ว ฟีฟ่าบอกว่าแข่งไม่ได้เก่งไม่พอ มันก็คงจะดูเป็นการกีดกันและแบ่งชั้นวรรณะไปสักหน่อย

การเปิดโอกาสให้ชาติอื่นได้พัฒนา

ไม่เพียงแค่การเท่าเทียมกันแล้ว การเจอกันระหว่างทีมที่เก่งกว่า กับทีมที่ระดับต่ำกว่า ยังเป็นเวทีและโอกาสให้ทีมที่กำลังพัฒนา ได้รู้จักตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อที่จะนำมาปรับปรุงต่อไป นอกจากนั้นการได้แข่งกับทีมชั้นนำจะทำให้ทีมเล็กสามารถได้รับค่าตั๋วที่เพิ่มมากขึ้น จากการเข้ามาเชียร์ของแฟนบอลทั้งสองทีม เงินตรงนี้สามารถเอาไปพัฒนาและสร้างสนาม สิ่งปลูกสร้าง หรืออะไรก็ตามเพื่อพัฒนาตามแนวทางของตัวเองได้ สรุปว่าฟุตบอลระดับทีมชาติมันเป็นอะไรที่ละเอียดออ่อนและลึกซึ้งกว่าที่คิด คนเราอาจจะเก่งไม่เท่ากันได้ แต่คนเราเท่าเทียมกันได้นี่นา จริงไหม