เรนเจอร์สขึ้นนำจ่าฝูง SWPL หลังจาก กลาสโกว์ ซิตี้ เสมอ

เรนเจอร์ส (Rangers) ก้าวขึ้นนำจ่าฝูงเหนือ กลาสโกว์ ซิตี้ (Glasgow City) ในศึก สกอตติช วีเมนส์ พรีเมียร์ลีก (Scottish Women’s Premier League) ด้วยชัยชนะอย่างมั่นใจเหนือ มาเธอร์เวลล์ (Motherwell) โดยได้ประตูชัยในครึ่งแรกจากดาวซัลโว เคที วิลคินสัน (Katie Wilkinson)

ฮาร์ทส (Hearts) และ กลาสโกว์ ซิตี้ เสมอกันแบบไร้สกอร์ โดยทั้งสองทีมไม่สามารถหาจังหวะทำประตูที่มีประสิทธิภาพได้

ในเกมอื่นๆ สปาร์ตันส์ (Spartans) เสมอกับ พาร์ติค ทิสเซิ่ล (Partick Thistle) 1-1 ทำให้พวกเขายังคงอยู่อันดับ 8 และ 7 ตามลำดับและทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด ช่องทางเข้า sbobet สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

วิลคินสัน ทำประตูให้ เรนเจอร์ส ขึ้นนำในช่วง 10 นาทีแรกที่สนาม เค พาร์ค สเตเดียม (K Park Stadium) ด้วยการโขกลูกจากการเปิดบอลอย่างแม่นยำของ ลิซซี่ อาร์นอต (Lizzie Arnot)

วิลคินสัน ยังคงพยายามทำประตูที่สองและเกือบจะทำได้เมื่อยิงโดนคานประตู ในขณะที่ เคิร์สตี้ ฮาวัท (Kirsty Howat) ก็มีโอกาสยิงเช่นกัน

มาเธอร์เวลล์ เกือบจะตีเสมอในช่วงท้ายเกมผ่าน ลูซี่ บาร์เคลย์ (Lucy Barclay) แต่ผู้รักษาประตู เรนเจอร์ส เจนน่า ไฟฟ์ (Jenna Fife) ก็ป้องกันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

กลาสโกว์ ซิตี้ ตกไปอยู่อันดับสองหลังเสมอแบบไร้สกอร์กับ ฮาร์ทส ที่สนาม โอเรียม (Oriam) โดยเจ้าบ้านยังคงรั้งอันดับสาม

เอ็มม่า บราวน์ลี่ (Emma Brownlie) และ เบย์ลี่ย์ ฮัทชินสัน (Bayley Hutchinson) มีโอกาสทำประตูให้ทีมของ อีวา โอลิด (Eva Olid) และ แจ็คกี้ ริชาร์ดส์ (Jackie Richards) ก็เกือบจะยิงจากลูกครอสในช่วงท้ายเกม

ลีแอนน์ รอสส์ (Leanne Ross) คิดว่าทีมของเธอได้ประตูขึ้นนำแล้ว แต่ประตูของ นิโคล คอซโลวา (Nicole Kozlova) ถูกปฏิเสธเนื่องจาก เคที ล็อกวูด (Katie Lockwood) ทำแฮนด์บอลระหว่างที่บอลกำลังเคลื่อนที่ข้ามเส้นประตู

ทั้งสองทีมขาดความแม่นยำในจังหวะสุดท้าย แม้จะครองบอลในแดนหน้าได้เป็นระยะเวลานาน

ในขณะเดียวกัน พาร์ติค ทิสเซิ่ล เสมอกับ สปาร์ตันส์ ที่สนาม ปีเตอร์สฮิลล์ พาร์ค (Petershill Park) ในอีกหนึ่งเกมที่สูสีกัน

ฮันนาห์ จอร์แดน (Hannah Jordan) ทำประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำในช่วงต้นเกม ก่อนที่ คาร์ล่า บอยซ์ (Carla Boyce) จะตีเสมอให้ ทิสเซิ่ล ก่อนหมดครึ่งแรก

เจ้าบ้านมีโอกาสยิงเข้ากรอบถึง 9 ครั้ง แต่ทีมของ แจ็ค บีสลี่ย์ (Jack Beesley) ก็ยืนหยัดต้านทานได้จนจบเกมด้วยผลเสมอ

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ เรนเจอร์ส มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด ช่องทางเข้า sbobet สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) กุนซือหงส์แดง จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ หลังจากที่ล่าสุด พาทีมบุกไปยิง เซาแธมป์ตัน (Southampton) มาได้ 3-2 เก็บสามคะแนนสำคัญ ทิ้งห่างอันดับที่ 2 อย่างทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Man City) ห่างไปถึง 8 คะแนน แล้วในเวลานี้ ซึ่งจากชัยชนะนัดนี้ ใครจะไปรู้ว่า ณ ตอนนี้ อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) พาทีม เก็บชัยชนะไปได้ 10 นัด จากการออกสตาร์ท 12 นัดไปแล้ว ซึ่งด้วยสถิตินี้ ทำให้กุนซือชาวดัตช์ นั้น ทำสถิติไปทาบกับ กุนซือระดับตำนานที่เคยมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีก อย่าง กุส ฮิดดิงค์ (Guus Hiddink) และ คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ซึ่งปลายทาง ทั้งสองคน พาทีมคว้าแชมป์ได้ในที่สุด นอกจาก สถิติของ อาร์เน่อ สล็อต (Arne Slot) แล้ว ดาวยิงอิยิปเตียนคิงส์ ดาวซัลโวของทีมอย่าง บังโม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ที่ในเกมนี้เจ้าตัวยิงคนเดียวถึงสองประตู ก็กลายเป็นว่าบังโม ทำสถิติ ยิงประตูในเกมที่เป็นทีมเยือน ได้ถึง 100 ประตูไปแล้วในเวลานี้ ฤดูกาลนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) เข้าสู่ช่วงสัญญาปีสุดท้าย และยังไม่มีวี่แววว่าสัญญาจะต่อหรือไม่ แต่ว่า เวลานี้ เหมือน เจ้าตัวยิงเรียกสัญญาใหม่ เพราะตอนนี้ ยิงไปแล้ว 10 ประตู ในพรีเมียร์ลีก รั้งตำแหน่งรองดาวซัลโว เป็น รอง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ (Erling Haaland) อยู่ 2 ประตู

 

สล็อท ให้ความเห็นเรื่อง จังหวะฟาล์วจนเสียจุดโทษ ในเกม พบ เซาแธมป์ตันว่า หาก ผู้ตัดสินเห็นว่ามันฟาล์วในเขตโทษ ก็ตามนั้น

 

อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) กุนซือ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ออกมาพูดถึง จังหวะจุดโทษ ที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (Andrew Robertson) แบ็คซ้าย ไปทำฟาล์ว ไทเลอร์  ดิบบลิ่ง (Tyler Dibling) จนทำให้ทีมหงส์แดง ต้องเสียจุดโทษ และก็เป็น อดัม อาร์มสตรอง (Adam Armstrong) ยิงประตูตีเสมอให้กับทีมนักบุญได้ ซึ่งจังหวะนี้นั้น 128coffee หลายๆ คนต่างก็คิดกันไปต่างกัน ว่าฟาล์วรึเปล่า นอกกรอบหรือว่าในกรอบ จนในตอนนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่ไม่น้อย แต่ว่าทางด้านกุนซือของทีม ลิเวอร์พูล (Liverpool) อย่าง อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) นั้น ก็ได้ออกมาบอกว่า ไม่ว่าผู้ตัดสินนั้น จะคิดเห็นอย่างไร จะนอกกรอบ หรือในกรอบก็แล้วแต่ เขาไม่เถียงอะไรทั้งสิ้น หากเห็นว่าฟาล์วในเขตโทษ เขาก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง เพราะไม่ว่าอย่างไรจังหวะนี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (Andrew Robertson) ก็ทำฟาล์วอย่างชัดเจนดังนั้นมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น 

 

รอย คีน ตำนานปิศาจแดง ชี้ จังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดปุ่มเข้าไปทำฟาล์วใส่ กราฟ ควรเป็นใบแดง ไม่น่ารอดไปได้

 

รอย คีน (Roy Keane) ตำนานกองกลางจอมโหด ของ แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) ได้ออกมาพูดถึงจังหวะการทำฟาล์ว ของ อดัม ลัลลาน่า (Adam Lallana) กองกลาง ของนักบุญ เซาแธมป์ตัน (Southampton) ที่พุ่งไปเปิดปุ่มเข้าไปทำฟาล์ว ใส่ที่บริเวณข้อเท้าของ ไรอัน กราเฟนแบร์ช (Ryan Gravenberch) กองกลางของ หงส์แดง ซึ่งเป็นจังหวะที่มันเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งสองทีมยังทำประตูกันไม่ได้ ซึ่ง รอย คีน (Roy Keane) มองว่า อดัม ลัลลาน่า (Adam Lallana) อดีตดาวเตะ หงส์แดง นั้นสมควรที่จะโดนใบแดง ไล่ออกจากสนาม จากการเข้าบอลแบบนี้ จังหวะที่เข้าปะทะนั้น ทางด้าน อดัม ลัลลาน่า (Adam Lallana) ไม่ได้มองไปที่ฟุตบอลเลยด้วยซ้ำ 128coffee จังหวะนี้ ทางด้าน รอย คีน (Roy Keane)  มองว่า มันต้องเป็นใบแดงอย่างเลี่ยงเสียมิได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอน อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานทางด้าน อดัม ลัลลาน่า (Adam Lallana)  ก็เกิดอาการบาดเจ็บ น่าจะเป็น แฮมสตริง จนต้องเปลี่ยนตัวออกไปในที่สุด ซึ่งก็ต้องมาตามกันต่อว่า อดัม ลัลลาน่า (Adam Lallana)  จะบาดเจ็บหนักต้องพักนานแค่ไหนอย่างไร

โฮเวิร์ด เวบบ์ ยอมรับ VAR ตัดสินผิดพลาดในจังหวะเพนัลตี้เวสต์แฮมเกมเจอแมนฯ ยูไนเต็ด

VAR ตัดสินผิดพลาดในจังหวะเพนัลตี้ เวสต์แฮม (West Ham) เกมเจอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United)

โฮเวิร์ด เวบบ์ (Howard Webb) หัวหน้าผู้ตัดสิน พรีเมียร์ลีก (Premier League) ออกมายอมรับว่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) ไม่สมควรได้รับจังหวะเพนัลตี้ในเกมที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) 2-1 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ในฐานะกุนซือทีมปีศาจแดง

เหตุการณ์เกิดขึ้นในจังหวะปะทะระหว่าง มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) กับ แดนนี่ อิงส์ (Danny Ings) โดยในตอนแรก เดวิด คูท (David Coote) ผู้ตัดสินในสนามไม่ได้เป่านกหวีดให้เป็นลูกโทษ แต่ ไมเคิล โอลิเวอร์ (Michael Oliver) ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ (VAR) แนะนำให้ คูท (Coote) ไปดูภาพช้าที่จอข้างสนาม ก่อนที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจเป็นลูกเพนัลตี้

จาร์รอด โบเวน (Jarrod Bowen) รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไป ส่งผลให้ เวสต์แฮม (West Ham) เอาชนะไป 2-1 และนำไปสู่การปลด เทน ฮาก (ten Hag) ออกจากตำแหน่งในอีกไม่ถึง 24 ชั่วโมงต่อมา

เวบบ์ (Webb) ให้สัมภาษณ์กับรายการ Mic’d Up ของ สกาย สปอร์ตส์ (Sky Sports) ว่า “ผมคิดว่ามันเป็นการอ่านเกมที่ผิดพลาดของ VAR ซึ่งปกติแล้วเป็นผู้ตัดสินที่มีความสามารถและน่าเชื่อถือ แต่ในสถานการณ์นี้กลับโฟกัสมากเกินไปที่ขาของ เดอ ลิกต์ (de Ligt) ที่สัมผัสกับ อิงส์ (Ings) โดยไม่โดนบอล ทั้งที่จริงๆ แล้วลูกบอลผ่าน เดอ ลิกต์ (de Ligt) ไปแล้วตอนที่เขาปะทะกับ อิงส์ (Ings)”

“VAR ให้น้ำหนักกับจังหวะฟาวล์มากเกินไป การแทรกแซงการตัดสินใจในสนามแบบนี้ไม่เหมาะสม ผมเชื่อว่าควรเคารพการตัดสินของผู้ตัดสินในสนาม และจากมุมมองของผม นี่ไม่ใช่จังหวะเพนัลตี้”

ทั้งนี้ ผู้ตัดสินในสนามไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของ VAR เสมอไป ซึ่ง เวบบ์ (Webb) ได้อธิบายว่า “พวกเขาได้รับแจ้งว่ามีสิทธิ์ที่จะยืนยันการตัดสินใจของตัวเองเมื่อไปดูภาพที่จอข้างสนาม”

เดอ ลิกต์ (de Ligt) กองหลังทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ได้เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวทีมชาติว่า “คณะกรรมการผู้ตัดสินได้โทรมาบอกว่ามันไม่ใช่จังหวะเพนัลตี้ ปกติผมมักจะวิจารณ์ตัวเองและรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ผมทำไม่ดี แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของผม ผมไม่สามารถตำหนิตัวเองได้”

นอกจากนี้ เวบบ์ (Webb) ยังได้พูดถึงกรณีของ เดวิด คูท (David Coote) ผู้ตัดสินที่ถูกพักงานทันทีหลังจากมีวิดีโอที่เขาพูดจาดูหมิ่น ลิเวอร์พูล (Liverpool) และ เจอร์เกน คล็อปป์ (Jurgen Klopp) อดีตผู้จัดการทีมเผยแพร่ออนไลน์และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด eaxybox สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

“เราได้รับทราบเกี่ยวกับวิดีโอที่กำลังแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งเรากำลังดำเนินการอย่างจริงจัง” เวบบ์ (Webb) กล่าว “เราได้เริ่มการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบ และได้สั่งพักงาน เดวิด คูท (David Coote) ทันทีจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น ตอนนี้ผมไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้จนกว่าเราจะดำเนินการสอบสวนเสร็จ”

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการใช้ระบบ VAR และความสำคัญของการรักษามาตรฐานการตัดสินใน พรีเมียร์ลีก (Premier League) รวมถึงความจำเป็นในการทบทวนและปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจ เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขันและอาชีพของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งในอนาคตอาจต้องมีการพัฒนาระบบและแนวทางการใช้ VAR ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การตัดสินในเกมฟุตบอลมีความยุติธรรมและแม่นยำมากที่สุด

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ โฮเวิร์ด เวบบ์ มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด eaxybox สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

คาริม เบนเซม่า (Karim Benzema) อดีตดาวยิงระดับตำนานของเรอัล มาดริด ได้ออกมาแนะนำ คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappe) ให้ปรับตัวเพื่อเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางในทีมเรอัล มาดริด โดยเบนเซม่าชี้ให้เห็นว่าเอ็มบัปเป้จะไม่สามารถแทนที่ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinicius Junior) ในตำแหน่งปีกซ้ายได้ เนื่องจากวินิซิอุสมีบทบาทสำคัญในตำแหน่งนี้ เอ็มบัปเป้ได้ย้ายจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง (Paris Saint-Germain) มาร่วมทีมเรอัล มาดริดหลังหมดสัญญาในช่วงฤดูร้อน แม้เขาจะทำผลงานได้ดีในช่วงแรก โดยยิงไปแล้ว 8 ประตูจาก 14 นัด แต่เอ็มบัปเป้ยังคงต้องเผชิญความท้าทายใหม่ในตำแหน่งที่ไม่ถนัด ภายใต้การนำทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน

หากคุณกำลังมองหา เว็บแทงบอลสเต็ป ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย อย่าลืมตรวจสอบรีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้จริงก่อนสมัครสมาชิก

เอ็มบัปเป้ต้องเล่นกองหน้าตัวกลางแทนตำแหน่งปีกซ้าย

ตำแหน่งที่เอ็มบัปเป้ถนัดและชื่นชอบที่สุดคือการเล่นเป็นปีกซ้าย ซึ่งทำให้เขามีพื้นที่ในการเลี้ยงบอลและใช้ความเร็วในการสร้างโอกาสทำประตู แต่เนื่องจาก วินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งเป็นปีกซ้ายคนสำคัญของทีมและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คาร์โล อันเชล็อตติจึงตัดสินใจให้เอ็มบัปเป้ปรับมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง เบนเซม่าได้ให้ความเห็นว่า “เอ็มบัปเป้ไม่ใช่กองหน้าตัวกลางที่แท้จริง เพราะแม้แต่ในทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อเขาเล่นในตำแหน่งนี้เขาก็ไม่รู้สึกสบายใจ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่”

ความกดดันในเรอัล มาดริดที่เอ็มบัปเป้ต้องเผชิญ

เบนเซม่าเน้นย้ำถึงแรงกดดันที่เอ็มบัปเป้จะต้องเผชิญในการเล่นให้เรอัล มาดริด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาทำประตูไม่ได้อย่างต่อเนื่อง เรอัล มาดริดนั้นเป็นทีมใหญ่ที่มีความคาดหวังสูงจากแฟนบอลทั่วโลก ซึ่งเพิ่มความกดดันในทุกๆ เกม เบนเซม่าชี้ว่า การเล่นในทีมเรอัล มาดริดนั้นไม่ง่าย เพราะหากผู้เล่นไม่สามารถทำประตูได้ต่อเนื่องหรือสร้างผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะถูกกดดันจากแฟนบอลและสื่ออย่างหนัก ล่าสุดทีมเรอัล มาดริดเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับ บาร์เซโลน่า (Barcelona) 0-4 ซึ่งถือเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครในลาลีกาของทีม

เบนเซม่าชี้ว่าเอ็มบัปเป้ควรทำใจรับตำแหน่งใหม่

คาริม เบนเซม่า กล่าวปิดท้ายว่า เอ็มบัปเป้ควรยอมรับและทำความเข้าใจว่าตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางของเรอัล มาดริด และควรทำใจลืมเรื่องการกลับไปเล่นปีกซ้าย เบนเซม่ายังกล่าวว่า วินิซิอุส จูเนียร์ในตอนนี้คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก และเป็นเรื่องยากที่ใครจะมาแทนที่ได้ ดังนั้น เอ็มบัปเป้จำเป็นต้องปรับตัวและปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับตำแหน่งใหม่ของเขาในทีม เพื่อให้เขาสามารถสร้างความแตกต่างและมีบทบาทสำคัญในทีมได้ เบนเซม่ายังเน้นว่าหากเอ็มบัปเป้สามารถปรับตัวและเล่นในตำแหน่งนี้ได้ เขาก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จและเติบโตในทีมเรอัล มาดริดต่อไป

หากคุณต้องการประสบการณ์ที่ดีในการแทงบอล ควรเลือก เว็บแทงบอลสเต็ป ที่มีฝ่ายบริการลูกค้าพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

หลังจบเกม คาราบาวคัพ ที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) นั้นบุกไปโดน ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) เล่นงานมาจนพ่ายแพ้ไป 2-1 ตกรอบ คาราบาวคัพไปเป็นที่เรียบร้อย ทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ก็ยังต้องเจอกับเรื่องน่าปวดหัวต่อ เนื่องจากว่า ทีมของเขานั้น กำลังพบเจอกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมาย จนในเวลานี้เขาเหลือนักเตะ เอาท์ฟิลด์ ให้ใช้งานได้แค่เพียง 13 คนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดานักเตะตัวหลักที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในเวลานี้ มีทั้ง โรดรี้ (Rodri) ดาวเตะที่เพิ่งจะได้รับรางวัล บัลลงดอร์ มาหมาดๆ เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) ,แจ็ค กรีลิช (Jack Grealish) ,ไคล์ วอร์คเกอร์ (Kyle Walker) และ เฌรีมี่ โดกู (Jeremy Doku) ซึ่งทางด้าน กุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโล่า (Pep Guardiola) ยอมรับเลยว่า กำลังเจอปัญหาหนัก ทั้งที่ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยเจอกับสถานการณ์อย่างนี้มาก่อน

 

ไก่ทำได้ สอยเรือใบ 2-1 เข้ารอบ 8 ทีม คาราบาวคัพ ไปดวล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป หลังผลจับสลากออกมาเรียบร้อยแล้ว

 

หลังจ่ายที่ ทีม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur)  เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ (Manchester City) ไปได้ทำให้พวกเขานั้นได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกคาราบาวคัพ และหลังจากจบเกม การจับสลากก็ออกมาแล้วว่า  ทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur)  นั้นจะได้ เล่นในบ้านพบกับอีกหนึ่งทีมจากเมือง แมนเชสเตอร์ นั่นก็คือ ปิศาจแดง แมฯ ยูไนเต็ด (Man Utd) ที่เพิ่งจะโชว์ฟอร์มโหด หลังปลด เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ไป ไล่กระหน่ำใส่ เลสเตอร์ ซิตี้  (Leicester City) ไปได้ 5-2 ซึ่งกุนซือในเกมนี้ก็คือ รุด ฟานนิสเตอรอย (Ruud van Nistelrooy) นั่นเอง ในส่วนของทีมอื่นๆ ที่ได้เข้ารอบ มานั้น ก็เป็นทีมจากพรีเมียร์ลีก ทั้งหมด โดย อาร์เซน่อล (Arsenal) จะพบกับ คริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) ,นิวคาสเซิ่ล (Newcastle) จะพบกับ เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) และ นักบุญ เซาแธมป์ตัน (Southampton) จะพบกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ซึ่งจะเริ่มแข่งขันกันในช่วงเดือนธันวาคมนี้ สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ในเกมนี้พวกเขาต้องใช้วิธีการโรเตชั่น นักเตะ เนื่องจากมีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่หลายคน บรรดาดาวรุ่งทั้งหลายได้ลงกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ แม็คอาตี้ (James McAtee) ,นิโก้ โอ เรียลลี่ (nico o’reilly) ย์ สุดท้ายเจอทีเด็ดของ ติโมร์ แวร์เนอร์  (Timo Werner) ที่ยิงได้ตั้งแต่นาทีที่ 5 ก่อนจะมาโน ป๊าป มาตาร์-ซาร์ (Pape Matar Sarr) บวกเพิ่มในนาทีที่ 25 ส่วนทาง แมนฯ ซิตี้ (Manchester City) มาแก้คืนได้ 1 ลูกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ครึ่งหลังทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบไปด้วยสกอร์ 2-1 เรือใบสีฟ้า ต้องกระเด็นตกรอบไปในที่สุด สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ลุ้นรับทรัพย์ได้ทุกวัน ทันทุกเกม เว็บ sbobet ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดิมพัน สมัครพร้อมรับโปรโมชั่นมากมาย สอบถามได้ทุกวันที่ เว็บ sbobet รวมกีฬาเด็ดไว้ทุกการแข่งขัน

 

ไก่ก็อ่วม ฟาน เดอ เฟ่น เจ็บแฮมสตริง ต้องตามอาการว่าหนักหนาแค่ไหน ส่วน โรเมโร่ มีอาการ ล้าจากการกรำศึกหนักเท่านั้น

 

อันเก้ ปอสเตโคกลู (Ange Postecoglou) ออกมายืนยันว่า ทางด้าน มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น (Micky van de Ven) ปราการหลังชาวดัตช์ ของทีมนั้น มีอาการบาดเจ็บ แฮมสตริง เป็นจังหวะที่เข้าปะทะกับ ซาวินโญ่ (Savinho) จนเล่นต่อไปไม่ไหว และต้องเปลี่ยนตัวออกไปในที่สุด จากนี้ต้องรอการอัพเดท ต่อไปว่า จะหนักหนาแค่ไหน ซึ่งทางด้าน มิคกี้ ฟาน เดอเฟ่น  (Micky van de Ven) นั้นถือเป็นนักเตะสำคัญของทีม เป็นปราการหลังตัวหลัก หากขาดไป น่าจะส่งผลกระทบต่อทีมไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนอีกราย คริสเตียน โรเมโร่ (CRISTIAN ROMERO)  ที่ถูกถอดออกไปนั้น ไม่ได้บาดเจ็บอะไรแค่เหนื่อยล้า มาจากการกรำศึกหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมาเท่านั้น  สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (Tottenham Hotspur)  จะมีคิวทำศึกหนักกับ แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ในวันเสาร์นี้ ถือเป็นเกมที่หนักหนาเอามากๆ เกมนี้ พวกเขาพัก ซน เฮือง-มิน (Son Heung-min) ไว้ไม่ได้ใช้งานคาดว่าดาวเตะชาวเกาหลีใต้นั้นจะกลับมามีชื่อได้ในวันเสาร์นี้แน่นอน

เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา ราชันชุดขาว รีล มาดริด (Real Madrid) โชว์ฟอร์มโหด เกือบหลับแต่กลับมาได้ หลังจากโดน เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ออกนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรก แต่ทว่ากลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลัง ไม่รู้ไปโดนตัวไหนมา กลับเป็นทีมราชันชุดขาว ที่มารัวคืนทีเดียว 5 ประตู ทำให้เอาชนะไปได้ 5-2  โดย วินิซิอุส (Vinicius Junior) ดาวเตะชาวบราซิเลี่ยน สามารถทำแฮตทริกไปได้ ส่วนอีก 2 ประตู ได้จาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (Antonio Rüdiger) และ ลูคัส บาสเกซ (Lucas Vázquez) ทางด้าน คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ได้ออกมากล่าวยกย่องลูกทีมอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinicius Junior) ที่โชว์กระหน่ำแฮตทริกช่วยทีมเก็บ 3 แต้มเต็ม ในเกมนี้ว่า การที่ วินิซิอุส (Vinicius Junior) เล่นได้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ ด้วยการเล่นด้วยพลังงานแบบนี้ และคาแร็คเตอร์แบบนี้ สมควรอย่างยิ่งที่จะคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ไปครอง

 

โดนก่อนไม่ใช่ปัญหา นี่แหละ รีล มาดริด ดอร์ทมุนด์ กระหยิ่ม ครึ่งแรกนำ 2-0 ครึ่งหลังเจอ ราชันของแท้ ไล่ยิงกระจุย รัวแซงชนะสบาย 5-2

 

ถือเป็นการเริ่มต้นด้วยความกระตือรือร้น และเริ่มด้วยฟอร์มที่โหดใช้ได้เลยสำหรับ ทีมเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ที่บุกมานำ ราชันชุดขาว รีล มาดริด (Real Madrid) ไปก่อนถึง 2-0 ได้ประตูจาการยิงของ ดอนเยลล์ มาเลน (Donyell Malen)  และ เจมี่ บายโน่-กิตเท่นส์ (Jamie Bynoe Gittens)  ซึ่งหลังจากจบครึ่งแรก ด้วยสกอร์ที่ ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)  นำอยู่ 2-0 ถือเป็นสกอร์ที่ช็อคแฟนบอล รีล มาดริด (Real Madrid) อย่างมาก แต่ทว่าไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าครึ่งเวลาหลัง รีล มาดริด (Real Madrid)  กลับมาลงเล่นด้วยความคึกคัก และไล่กระหน่ำยิงประตูคืนจนสามารถแซง เอาชนะไปได้ 5-2 โดย อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (Antonio Rüdiger) ยิงไล่มาเป็น 2-1 ในนาทีที่ 60 วินิซิอุส (Vinicius Junior) ยิงตีเสมอได้สำเร็จ ในนาทีที่ 63 จนสามารถแซง 3-2 ได้สำเร็จจากประตูของ ลูคัส บาสเกซ (Lucas Vázquez) จากนั้นก็ถึงฉากยำใหญ่ และพระเอกของเกมนี้ก็โชว์ของอย่างเต็มที่ เมื่อ วินิซิอุส (Vinicius Junior) ไล่ยิงเพิ่มได้อีก 2 ประตู ในนาทีที่ 86 และ 90+4 จบเกมเป็น รีล มาดริด (Real Madrid)  เอาชนะไปได้ 5-2 และนี่คือเหตุผลว่า ทำไม รีล มาดริด (Real Madrid) จึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะ ในถ้วยใบนี้ที่เคยคว้ามาได้ถึง 15 สมัย หากใครอยากสัมผัสความสนุกในการลุ้นการเชียร์ฟุตบอลสนุกๆ สามารถเข้าไปร่วมสนุกได้ที่ ลิ้ ง ทางเข้า sbobet รวมเกมฟุตบอลไว้ครบทุกลีกชั้นนำ รวมถึงการแข่งขันต่างๆ ที่มีอย่างครบครัน ลิ้ ง ทางเข้า sbobet ที่มีมากมาย ทำให้การร่วมสนุกไม่มีสะดุด ในทุกๆ การแข่งขัน 

 

นูริ ซาฮิน กุนซือเสือเหลือง เชือว่าการปรับแผนของเขาไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้แพ้ ราชันชุดขาว ในเกมนี้ ทั้งที่ทีมของตนนำไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก

 

นูริ ซาฮิน (Nuri Şahin) กุนซือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ออกมายอมรับเสียงวิจารณ์ที่เขาทำทีมแพ้ รีล มาดริด (Real Madrid)  5-2 ในเกมนี้ โดยในเกมนี้นั้น ทางทีมเสือเหลือง เริ่มต้นได้ดี ด้วยการบุกมาออกนำทีมราชันชุดขาวไปได้ก่อน ถึง 2-0 จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ที่นำห่างแบบนี้ ใครๆ ก็คิดว่านี่อาจจะเป็นเกมที่เลวร้ายของเจ้าบ้าน รีล มาดริด (Real Madrid) แต่ทว่า ครึ่งหลัง ทางทีมราชันชุดขาว ลงมากระหน่ำไล่ยิง เสือเหลืองเละเทะราวกับเป็นคนละทีมกับครึ่งแรก จนพ่ายยับเยินไป 5-2 แถม วินิซิอุส (Vinicius Junior) ทำแฮตทริกไปได้สำเร็จ  โดยครึ่ง ทาง นูริ ซาฮิน (Nuri Şahin) มีการปรับเปลี่ยนเกม ไปเล่นหลัง 3 และจากการเปลี่ยนตัวของ ทำให้โดนวิจารณ์ว่า แท็คติกที่เปลี่ยนแปลงทำให้ทีมต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปในเกมนี้ ทางด้าน นูริ ซาฮิน (Nuri Şahin) นั้นไม่เห็นด้วย การปรับแท็คติกนั้นถูกต้องแต่ เราปล่อยให้ รีล มาดริด (Real Madrid) ครองบอลมาเกินไปจนนำมาซึ่งความพ่ายแพ้