ต้องถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่ามากของอิตาลี หลังจากล้มเหลวในฟุตบอลโลกคราวที่แล้ว นั่นทำให้อิตาลีพวกเค้ากลับมาตั้งต้นกันใหม่ โดยแก้ไขปัญหาตั้งแต่รากเลย เริ่มต้นจากการนำเข้าผู้จัดการทีมคนใหม่ โรแบร์โต้ มันชินี่ จากนั้นเค้าก็สร้างทีมด้วยสายเลือดใหม่บวกกับแนวคิด แท็คติคที่ไม่ได้เป็นแบบอิตาลี ผสมผสานแนวใหม่ขึ้นมาจนกลายเป็นความสำเร็จในคราวนี้
ผลงานการแข่งขัน
อิตาลีเริ่มต้นเส้นทางในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ เพื่อนร่วมกลุ่มของเค้าก็จะมี เวลส์, สวิสเซอร์แลนด์ และตุรกี ต้องยอมรับเลยว่าชั่วโมงนั้นไม่ง่ายสำหรับอิตาลี แต่ว่าพวกเค้าก็โชว์ให้เห็น อิตาลีโฉมใหม่ตั้งแต่เกมเปิดหัวจัดตุรกีไป 0-3 จากนั้นก็ชนะรวดอีกสองเกมแบบไม่เสียประตูเลย กลายเป็นทีมม้ามืดฟอร์มแรงแบบหักปากกาเซียน มารอบน็อคเอาท์ เจอกับ ออสเตรีย ที่ว่าจะเบา แต่เอาจริง ออสเตรีย เกือบล้มอิตาลีได้ ดีกว่าพวกเค้านิ่งกว่า เอาชนะไปได้ หลุดมาเจอกับ เบลเยียม เกมนี้ยากมาก แต่เป็นพวกเค้าที่ทำได้ดีกว่า ขึ้นนำไปก่อน 2-1 พอครึ่งหลังเบลเยียมโหมจนหมดแรง ก็ยิงอิตาลีไม่ได้ตามสไตล์รับเหนียวแน่นแบบเป็นระบบ และแท็คติค คราวนี้เจอกับสเปน ก็มาเสมออกจนต้องไปลุ้นกันในจุดโทษ คราวนี้อิตาลีโชว์ความนิ่งกว่า ทั้งที่ยิงคนแรกพลาด สุดท้ายมาเจอกับอังกฤษ เสมออีกจนต้องลุ้นจุดโทษ อิตาลี โชว์ความนิ่งอีกครั้ง จนเอาชนะได้แชมป์กลับบ้านไปแบบสมเกียรติ
นักเตะฟอร์มดี
แน่นอนว่าการได้แชมป์คราวนี้นักเตะหลายคนอยู่ในฟอร์มที่ดีมากจนรีดศักยภาพของทีมขึ้นมาด้วย คนที่เราต้องบอกเลยว่า ฟอร์มดีจริง น่าจะเป็น จอร์จินโญ่ ตัวแทนจากเชลซี ที่ลงเล่นเป็นศูนย์กลางของทีมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ทั้งเกมรุกและเกมรับ หากไม่นับการยิงจุดโทษพลาดในเกมรอบชิง ที่เหลือคือ ดีหมด สองกับสามเราขอยกขึ้นมาพร้อมกันก็คือ คิเอลลินี่ กับ โบนุชชี่ สองกองหลังตัวเก๋าที่เล่นไม่เหมือนคนอายุเกือบสี่สิบ แม้จะวิ่งไม่ไวแต่ได้ความเก๋ามาประคองเกมจนถึงแชมป์ได้ น่าจะเป็นการสั่งลาทีมชาติได้ดีทั้งคู่ ส่วนอนาคตของทีมชุดนี้ คงต้องหากองหลังคนใหม่มาเสริมความแกร่ง กับกลางตัวรับอีกคน ก็น่าจะพอได้ลุ้นกับแชมป์บอลโลก